-
Menuกลับ
-
Oils
-
-
-
-
น้ำหอม
-
-
-
Preview Product
-
-
-
Spa & Skincare
-
-
น้ำมันนวดตัว & ครีมนวด
-
-
-
ผลิตภัณฑ์สปา & อโรมาเทอราปี
-
-
-
แฮนด์ แซนิไทเซอร์ & หน้ากากผ้า
-
-
-
Preview Product
-
-
-
Spa & Skincare
-
-
น้ำมันนวดตัว & ครีมนวด
-
-
-
ผลิตภัณฑ์สปา & อโรมาเทอราปี
-
-
-
แฮนด์ แซนิไทเซอร์ & หน้ากากผ้า
-
-
-
Preview Product
-
-
-
Home Products
-
-
-
-
Preview Product
-
-
-
Gift Set
-
-
ของขวัญและของชำร่วย
-
-
-
Preview Product
-
-
-
Others
-
-
-
ผลิตภัณฑ์อื่นๆ
-
-
-
Scent Signatures
-
-
-
Preview Product
-
-
- Login / Register
-
Menuกลับ
-
Oils
-
-
-
-
น้ำหอม
-
-
-
Preview Product
-
-
-
Spa & Skincare
-
-
น้ำมันนวดตัว & ครีมนวด
-
-
-
ผลิตภัณฑ์สปา & อโรมาเทอราปี
-
-
-
แฮนด์ แซนิไทเซอร์ & หน้ากากผ้า
-
-
-
Preview Product
-
-
-
Spa & Skincare
-
-
น้ำมันนวดตัว & ครีมนวด
-
-
-
ผลิตภัณฑ์สปา & อโรมาเทอราปี
-
-
-
แฮนด์ แซนิไทเซอร์ & หน้ากากผ้า
-
-
-
Preview Product
-
-
-
Home Products
-
-
-
-
Preview Product
-
-
-
Gift Set
-
-
ของขวัญและของชำร่วย
-
-
-
Preview Product
-
-
-
Others
-
-
-
ผลิตภัณฑ์อื่นๆ
-
-
-
Scent Signatures
-
-
-
Preview Product
-
-
- Login / Register
หน้าหลัก
-
- น้ำมันหอมระเหยaddremove
- น้ำมันสกัดธรรมชาติaddremove
- น้ำมันนวดตัวอโรมาaddremove
- ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและสปาaddremove
- ผลิตภัณฑ์ภายในบ้าน-สปาaddremove
- ชุดของขวัญaddremove
- ยาดมสมุนไพรaddremove
- แอลกอฮอล์เจล-สเปรย์addremove
- Sales & Promotionaddremove
- ยาดม-สมุนไพร
- เกลือขัดผิว & ครีม
- ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า & ตัว
- อุปกรณ์ไม้นวดตัว
- Othersaddremove
- Scent Signaturesaddremove
- แฮนด์ แซนิไทเซอร์ & หน้ากากผ้า
- น้ำมันหอมระเหย
Essential Oil & Extraction
- favorite 2 likes
- remove_red_eye 5487 views
Article 5-23
Essential Oil & Extraction / การสกัดน้ำมันหอมระเหย
การสกัดน้ำมันหอมระเหยจากพืชมีหลายวิธี แล้วแต่ความเหมาะสมของพืชนั้น ๆ ตลอดจนวัตถุประสงค์ที่จะนำไปใช้ โดยกว่าจะได้น้ำมันหอมระเหยแต่ละหยด ต้องใช้ ดอก ใบ ลำต้น ราก ฯลฯ เป็นจำนวนมหาศาล ส่งผลให้ราคาน้ำมันหอมระเหยมีความแตกต่างกัน ดังเช่นตัวอย่างน้ำมันหอมระเหยชนิดต่าง ๆ ต่อไปนี้
น้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบ (Rose) หนัก 1 กิโลกรัม ต้องใช้ดอกกุหลาบ 4,000 กิโลกรัม
น้ำมันหอมระเหยกลิ่นมะลิ (Jasmine) หนัก 1 กิโลกรัม ต้องใช้ดอกมะลิถึง 4 ล้านดอก หรือ 2,000 กิโลกรัม
น้ำมันหอมระเหยเนโรลิ (Neroli) หนัก 1 กิโลกรัม ต้องใช้ดอกส้ม ถึง 6,000 กิโลกรัม
น้ำมันหอมระเหยตะไคร้บ้าน (Lemongrass) หนัก 1 กิโลกรัม ต้องใช้ตะไคร้บ้านสด 400-500 กิโลกรัม
น้ำมันหอมระเหย Thyme หนัก 1 กิโลกรัม ต้องใช้ใบไทม์ ถึง 400 กิโลกรัม
การสกัดน้ำมันหอมระเหย แบ่งออกเป็น 6 วิธี ดังนี้
1. การกลั่นด้วยไอน้ำ (Steam Distillation) เป็นวิธีที่นิยมมากที่สุด ซึ่งใช้กับสมุนไพรที่ทนความร้อนจากใบ ราก เปลือกไม้และยางไม้ วิธีนี้เป็นวิธีกลั่นแบบโบราณที่มีประวัติยาวนานมากว่า 5,000 ปี ในปัจจุบันเครื่องกลั่นทำมาจาก
สเตนเลส หรือทองแดง โดยใส่พืชลงไปในหม้อกลั่นทรงกระบอก ใช้ความร้อนเพื่อให้เกิดเป็นไอน้ำ เมื่ออุณหภูมิ ร้อนขึ้น พืชก็จะอ่อนลงทีละน้อยพร้อมกับความดันที่เพิ่มขึ้นบนพื้นผิว เพื่อให้ไอน้ำดึงน้ำมันหอมระเหยออกมาจากพืชขึ้นไปพร้อมกับไอน้ำ ส่วนผสมของไอน้ำและน้ำมันหอมระเหยที่ออกมาจากหม้อกลั่น จะถูกส่งผ่านไปยังเครื่องควบแน่น (Condenser) ซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนไอน้ำและน้ำมันหอมให้เป็นของเหลว จากนั้นน้ำมันกับน้ำจะแยกชั้นกัน เมื่อน้ำมันลอยขึ้นมาบนพื้นผิวของน้ำก็แสดงว่าได้น้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์พร้อมที่จะถูกเก็บใส่ภาชนะบรรจุ พร้อมกันนั้นก็จะได้น้ำที่ได้จากผลพลอยได้ของการสกัดน้ำมันหอมระเหยเรียกว่า Floral water หรือ Hydrosol ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อีกทางหนึ่ง จัดว่าเป็นวิธีที่สะดวก ค่าใช้จ่ายไม่สูง และใช้เวลาไม่นาน
2. การบีบอัด (Expression) วิธีที่ง่ายที่สุดในการสกัดน้ำมันหอมระเหยคือการบีบอัดวัตถุดิบแล้วเก็บน้ำมัน โดยวิธีการนี้จะใช้กับพืชที่มีน้ำมันหอมระเหยอยู่ในเปลือกชั้นนอกของผลไม้และไหลออกมาได้ง่าย อย่างเปลือกของผลไม้ตระกูลซิตรัส เช่น ส้ม เลมอน มะนาว มะกรูดที่ใช้เครื่องอัดเพื่อสกัดของเหลว แล้วจึงแยกน้ำออกจากน้ำมัน น้ำมันหอมระเหยที่สกัดโดยวิธีนี้จะมีอายุการใช้ (Shelf life) ค่อนข้างสั้นกว่าชนิดอื่น
3. การสกัดด้วยตัวทำละลาย (Solvent Extraction) เป็นวิธีการสกัดได้น้ำมันชนิดที่เรียกว่า Absolute กลิ่นหอมของดอกไม้ที่บอบบางมาก ๆ เช่น ดอกมะลิ ดอกบัว หรือกุหลาบ พืชจำพวกนี้จึงต้องการวิธีการที่ปราศจากไอน้ำหรือน้ำเพราะอาจถูกความร้อนทำลายกลิ่นเอกลักษณ์ไปได้ วิธีการคือการใช้ ตัวทำละลายผสมกับดอกไม้เพื่อดึงเอาสารต่าง ๆ จากพืชออกมา และจะเข้ากระบวนการกลั่นอีกครั้งจนได้สารละลายที่เรียกว่า Concrete แล้วนำไปสกัดแยกเอาตัวแวกซ์ออก และผ่านกระบวนการแยกแอลกอฮอล์ออกอีกครั้ง จนได้สารหอมที่มีความเข้มข้นสูงหรือเรียกว่า Absolute ซึ่งมีกลิ่นหอมใกล้เคียงตัวดอกไม้และติดทนนานมากกว่าวิธีการกลั่นด้วยไอน้ำ โดยวิธีนี้เป็นที่นิยมนำไปใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม
4. การสกัดด้วยคาร์บอนไดออกไซด์เหลว (CO2 extraction) วิธีการนี้จะเพิ่มความดันคาร์บอนไดออกไซด์ให้เปลี่ยนสถานะจากก๊าซเป็นของเหลวที่สามารถนำมาใช้เป็นตัวทำละลาย โดยตัวทำละลายนี้จะแพร่กระจายไปที่วัตถุดิบและสกัดองค์ประกอบของสารกลิ่นหอมออกมาจากพืช จัดเป็นเทคโนโลยีที่ต้นทุนค่อนข้างสูงจึงต้องเลือกวัตถุดิบที่เหมาะสมกับวิธีนี้ เช่น Jasmine, Rose, Osmanthus จะได้คุณภาพน้ำมันดีมีความบริสุทธิ์สูง ซึ่งราคาจะสูงกว่าการสกัดด้วยไอน้ำเมื่อเปรียบเทียบการสกัดจากพืชชนิดเดียวกัน
5. การหมัก (Maceration) สามารถทำได้ในห้องครัวของคุณ เริ่มด้วยเหยือกแก้ว สมุนไพร ดอกไม้หรือใบไม้ที่คุณเลือก น้ำมันเบส อาทิ น้ำมันมะกอก (Olive oil) หรือน้ำมันสวีต อัลมอนด์ (Sweet almond oil) ก็เป็นทางเลือกที่ดี โดยนำสมุนไพรใส่ลงในเหยือกตามด้วยน้ำมันเบส ทิ้งไว้ 3-4 สัปดาห์ น้ำมันเบสจะดึงกลิ่นและประโยชน์จากสมุนไพรออกมา จากนั้นนำไปแยกกากออก เหมาะสำหรับนำไปใช้ประโยชน์เป็นน้ำมันนวด ทำครีม ลิปบาล์ม เป็นต้น
6. อองเฟลอราจ (Enfleurage) เป็นวิธีการสกัดด้วยไขมันสัตว์หรือน้ำมันพืชโดยใช้กับกลีบดอกไม้บาง ๆ ซึ่งเป็นเทคนิคเก่าแก่ของชาวฝรั่งเศส มีวิธีการทำโดยการใช้น้ำมันหรือไขมันที่ไม่มีกลิ่นเป็นตัวดูดซับน้ำมันที่ระเหยออกมาจากกลีบดอกไม้โดยนำตัวดูดซับแผ่วางเรียงลงบนถาด แล้วนำกลีบดอกไม้วางเรียงบนตัวดูดซับ เก็บไว้ในภาชนะปิด ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง แล้วเปลี่ยนกลีบดอกไม้ใหม่ ทำเช่นนี้เรื่อย ๆ จนตัวดูดซับดูดซับเอาน้ำมันหอมระเหยจนหมดเรียกว่า Pomade จากนั้นใช้แอลกอฮอล์เพื่อละลายไขมันที่ไม่ต้องการออก จะได้กลิ่นหอมที่ค่อนข้างเหมือนกลิ่นเดิม ทั้งนี้อองเฟลอราจเป็นวิธีที่สามารถทำเองได้ เนื่องจากอุปกรณ์และขั้นตอนไม่ซับซ้อน
จะเห็นได้ว่าการสกัดน้ำมันหอมระเหยจากพืชมีวิธีที่แตกต่างกันไปตามความเหมาะสมของพืชนั้น ๆ ความคุ้มค่ากับปริมาณน้ำมันหอมระเหยที่ได้ ตลอดจนคุณภาพที่เป็นไปตามมาตรฐานที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม น้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ จะมาจากการสกัดด้วยวิธีการ 4 แบบแรกเท่านั้น